วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Baidu โต้ข่าวโปรแกรมอันตรายไม่เป็นความจริง ยืนยันไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้

ช่วงนี้มีข่าว/กระทู้ยอดนิยมชื่อ ระวัง! 6 โปรแกรมอันตราย ที่ไม่ควรติดตั้ง ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลาย (เท่าที่เช็คดู ต้นทางมาจาก Sanook! แต่ข่าวต้นฉบับถูกลบไปแล้ว ลองอ่านกระทู้ Pantip ที่มีคนคัดลอกมา) โดยเนื้อหาในข่าวกล่าวถึงโปรแกรม 6 ตัว "ที่อ้างว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเตือนไม่ให้ติดตั้ง" ได้แก่ Baidu PC Faster, Spark Browser, Baidu PC App Store, AppsHat, Hao123, 555.in.th
ทาง Baidu ประเทศไทยได้ส่งจดหมายชี้แจงประเด็นข่าวข้างต้นว่า "ไม่เป็นความจริง เป็นความตั้งใจที่จะทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของ Baidu" โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ (คัดลอกมาจากคำชี้แจงของ Baidu ทั้งหมด)
เรียน สื่อมวลชน
จากกรณีที่มีผู้นำข่าวของไป่ตู้ ประเทศญี่ปุ่น ประเด็น ระวัง! 6 โปรแกรมอันตราย ที่ไม่ควรติดตั้ง มาเผยแพร่ในโลกโซเซียลนั้น ในนามบริษัท ไป่ตู้ ประเทศไทย ขอแจ้งให้ท่านสื่อมวลชนทราบว่าเรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง เป็นความตั้งใจที่จะทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของไป่ตู้ และเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดที่จะขยายวงกว้างออกไป ไป่ตู้ ประเทศไทย ขอชี้แจงโดยมีรายละเอียดดังนี้
1. รัฐบาลญี่ปุ่นไม่เคยออกคำเตือนเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ Baidu PC Faster , Baidu Spark Browser, Hao123 และ Baidu PC App Store แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม Baidu IME ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และเป็นแอพพลิเคชั่นยอดนิยมอันดับ 1 ใน App store ของ IOS8
2. ทุกผลิตภัณฑ์ของไป่ตู้ ไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ แต่จัดเก็บเฉพาะสถิติการใช้งานของซอฟต์แวร์เท่านั้น เช่น ฟีเจอร์ที่ใช้บ่อยที่สุด ความถี่ในการใช้งานของฟีเจอร์นั้นๆ
3. ก่อนการติดตั้งหรือใช้งานผลิตภัณฑ์ของไป่ตู้ จะมีการขอนุญาตผู้ใช้ในการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานคอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาใช้เพื่อการปรับปรุงการให้บริการให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
4. ไป่ตู้ เป็นหนึ่งในสมาชิกของ IAPP หรือ International Association of Privacy Professionals ซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติในการป้องกันระบบรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนบุคคล

เครดิต https://www.blognone.com/node/62199

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 10 อย่าควรรู้เมื่อเกิดปัญหากับ Windows

1. ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่
         หนี่งในวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและมักจะได้ผลเสมอ คือการ Restart เครื่อง หรือเปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่เพราะระบบปฏิบัติการ Windows เมื่อทำงานได้สักระยะหนึ่งมันอาจจะสับสนอะไรบ้างอย่างในตัวของมันเองทำให้มันแสดงพฤติกรรมแปลกที่ทำให้ผู้ใช้งานเกิดปัญหาได้

2. เปิดเข้าไปดูที่ 
Action Center (เฉพาะ Windows 7 เท่านั้น)
         ผู้พัฒนา Windows คงทราบดีว่า Windows นั้นมีปัญหามากมายที่แก้ไขเท่าไหร่ก็ไม่จบ ดังนั้นใน Windows 7ซึ่งเป็น Windows เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ทางผู้ัพัฒนาจึงได้คิดค้นระบบที่จะมาช่วยให้ผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ จัดการกับปัญหาของ Windows ได้ง่ายขึ้นระบบที่ว่านี้ก็คือ ActionCenter ที่มีอยู่ใน Windows 7 นั่นเอง

        
         ในหน้าต่างของ 
Action Center ให้คุณลองคลิกที่ปุ่ม Troubleshooting เมื่อคลิกแล้วระบบจะทำการค้นหาวิธีแก้ไขปัญหาที่คุณกำลังเจออยู่ให้อัตโนมัติและถ้าหากเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้อัตโนมัติระบบก็จะขึ้นข้อความแนะนำ เพื่อให้คุณทราบว่าควรจะทำอะไรต่อไป

3. ลองอัพเดต Windows ดู
         ปัญหาที่คุณเจอ อาจจะเป็นปัญหาที่ไมโครซอฟต์บริษัทผู้ผลิต Windows ทราบอยู่แล้ว และได้สร้างตัวแก้ไขมาให้คุณไว้เรียบร้อยแล้วหน้าที่ของคุณคือคุณจะต้องเอาตัวแก้ไขเหล่านั้นมาติดตั้งใน Windows ของคุณเพื่อตัดตอนปัญหาต่างๆที่คุณเจอ ระบบที่จะช่วยให้คุณอัพเดต Windows ได้อย่างง่ายๆ มีชื่อว่า Microsoft Windows Update ซึ่งในกระบวนการอัพเดตคุณจำเป็นจะต้องต่ออินเทอร์เน็ตเอาไว้ด้วยเพื่อให้ระบบอัพเดตสามารถดาวโหลดตัวแก้ไขต่างๆจากเว็บไซต์ของไมโครซอฟต์ได้


4. ลงไดรเวอร์ใหม่หนึ่ง
            ในวิธีที่จัดการกับปัญหาเรื่องไดร์เวอร์และฮาร์ดแวร์ได้ชะงักคือการติดตั้งไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุดหรือถ้าไม่สามารถหาไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุดได้ ก็ได้เอาไดรเวอร์ตัวเดิมนั่นแหล่ะติดตั้งกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งนึงเพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาของคุณได้อย่างได้ผลเลยทีเดียว

        
         วิธีการลงไดรเวอร์ตัวใหม่คุณต้องเข้าไปที่ 
Device Manager ก่อนแล้วทำคลิกขวาเลือกฮาร์ดแวร์ที่คุณต้องการจะจัดการแก้ปัญหาจากนั้นก็ให้คลิกเลือก Update Driver สำหรับการติดตั้งไดรเวอร์ตัวใหม่ล่าสุดหรือคลิกเลือกUninstall เพื่อลบไดรเวอร์ที่ค้างอยู่ในระบบแล้วค่อยเอาไดร์เวอร์ที่คุณมีติดตั้งเข้า ไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง

5. ทำความสะอาดเครื่อง
          ลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นด้วย Disk Cleanupหนึ่ง ในตัวสร้างปัญหาให้กับ Windows คือการที่มีไฟล์ขยะรกเต็มเครื่องมากเิกินไป ดังนั้นการลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นทิ้งเสียบ้างจะช่วยลดและป้องกันปัญหาได้ ซึ่งใน Windows ก็มีเครื่องมือสำหรับช่วยลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นออกจากเครื่องได้อย่างอัตโนมัติเครื่องมือที่ว่าก็คือ Disk Cleanup นั่นเอง


6. ใช้โปรแกรมตรวจสอบไฟล์ระบบ
         หนึ่งในอาการที่สร้างปัญหาน่าปวดหัวใน Windows คืออาการไฟล์ระบบเสีย แต่โชคดีที่ Windows มีตัวสำหรับแก้ไขและซ่อมไฟล์ระบบมาให้ด้วยแต่โปรแกรมนี้จะต้องใช้งานในแบบ Command line เท่านั้น วิธีใช้ก็แค่เปิดหน้าต่าง Command โดยพิมพ์คำสั่ง cmd ลงในช่อง Run แล้วตามด้วยคำสั่ง "SFC /SCANNOW" (คำสั่งไม่ต้องมีเครื่องหมาย " นะครับ) สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Vista และ Windows 7 ต้องเลือกเปิดหน้าต่าางCommand ด้วนสิทธิแบบ Administrator ก่อนถึงใช้คำสั่งนี้ได้


7. ลงโปรแกรมใหม่
         ถ้าปัญหาใน Windows ของคุณเกี่ยวข้องกับโปรแกรมที่คุณติดตั้งเข้าไปล่ะก็มีวิธีหนึ่งที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างชะงัก คือการลบและติดตั้งโปรแกรมใหม่ วิธีทำก็ไม่ยากแค่ Uninstall โปรแกรมออกก่อน โดยคลิก Uninstallในเมนูของโปรแกรม หรือใช้ Add/Remove Programs ใน Control Panel ก็ได้ หลังจากลบโปรแกรมทิ้งไปแล้วก็ให้เริ่มติดตั้งโปรแกรมใหม่อีกครั้ง เท่านั้นปัญหาของโปรแกรมของคุณน่าจะได้รับการแก้ไขและตัวโปรแกรมก็จะกลับมาใช้งานได้ดีดังเดิม


8. เข้าเว็บ Microsoft Fix-it
         สำหรับปัญหาที่แก้ไม่ได้ง่ายๆ อย่างหน้าต่าง error ที่ขึ้นโค้ดประหลาดๆ (เช่น 0×80072EE4) คุณสามารถหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยเข้าไปขอความช่วยเหลือจากไมโครซอฟต์ที่เว็บ Microsoft Fix-it (http://support.microsoft.com/gp/cp_fixit_mainในหน้าเว็บไซต์คุณสามารถเอาโค้ด error ไปค้นหาวิธีแก้ไขได้หรือถ้าหมดหนทางจริง ๆ คุณก็ยังสามารถติดต่อกับไมโครซอฟต์เพื่อคำแนะนำได้อีกด้วย


9. ค้นหาความช่วยเหลือจาก Google
         เมื่อไมโครซอฟต์เริ่มพึ่งไม่ได้ เราคงต้องหันมาพึ่งตัวเองด้วยบริการค้นหาทันใจแบบทุกซอกทุกมุมจาก Googleให้คุณลองใช้คำค้นที่สั้นและเฉพาะเจาะจงกับปัญหาที่คุณเจอ ถ้าจะให้ดีควรเลือกใช้คำค้นเป็นภาษาอังกฤษจะทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า แต่ถ้าหากคุณเป็นนักค้นหาที่ไม่ค่อยเก่งและยังไม่เก่งภาษาอังกฤษอีกด้วย เราแนะนำให้ข้ามวิธีนี้ไปเลย

10. แก้ไม่ได้ จนปัญญา ให้ลองลง Windows ใหม่ดู
         วิธีสุดคลาสสิกที่แก้ไขปัญหาได้เกือบทุกอย่างคือการติดตั้ง Windows ใหม่ สำหรับวิธีนี้คุณยังมีทางให้เลือก 3ทางคือ
         - ลง Windows แบบแก้ปัญหาตัวเดิม(หรือที่เรียกว่าลงแบบ Repair)
         - ลง Windows แบบทับตัวเดิม (หรือที่เรียกว่าลงแบบ Upgrade) ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้กับแผ่นติดตั้ง Windows บางแบบบางรุ่นเท่านั้น ถ้าใส่แผ่น Windows เข้าไปในเครื่องของคุณในขณะใช้ Windows ตัวเดิมอยู่ แล้วตัวติดตั้งมันขึ้นOption ให้เลือกแบบ Upgrade แสดงว่าใช้วิธีนี้ได้
         - ลง Windows แบบล้างเครื่องลงใหม่ วิธีนี้ค่อนข้างจะโหดร้าย ยุ่งยากและอาจทำให้ข้อมูลในเครื่องของคุณหายได้ (ถ้าคุณไม่ได้สำรองข้อมูลเอาไว้ก่อน) แต่ก็จัดเป็นวิธีที่ได้ผลเป็นที่สุดใครลองวิธีไหนแล้วไม่หายให้ลองวิธีนี้ดูรับประกันผลว่า Windows ของคุณจะกลับมาโลดเล่นเหมือนตอนซื้อเครื่องมาใหม่แน่นอน

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

แก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ต่อwifi ไม่ได้ มันขึ้นกากบาทสีแดง

มาลองดูแต่ละวิธีในการเช็คเบื้องต้น

*ในกรณีservicesโดนปิด ของวินโดว์ 7 แก้ปัญหาคอมต่อwifi ไม่ได้ มันขึ้นกากบาทสีแดง ให้ลองดูวิธีนี้นะค่ะเผื่อจะได้ค่ะ
1.ไปที่ start พิมพ์ RUN
2.จะขึ้นหน้าต่าง RUN มา ในช่อง open พิมพ์ services.msc ตามนี้นะค่ะ กด ok
3.จะขึ้นหน้าต่าง Service ให้หา บรรทัดที่มี WLAN Auto Config แล้วดับเบิ้ลคลิก4.ตรง Startup type ให้เลือก Automatic แล้วกด ok5.ดับเบิ้ลคลิก WLAN Auto Config อีกรอบ แล้วคลิก Start รอสักครู่ แล้วกด ok คอมก็จะหา wifi เจอถ้ายังไม่ได้ลองดูวิธีอื่น ๆกด ok แล้วลอง connect ใหม่อีกรอบนึ่งดู

*ในกรณีลืมเปิดwifiที่โน๊ตบุ๊ก ให้ดูที่แป้นพิมพ์ว่ามีรูปสัญลักษ์ ที่เป็นรูปเหมือนเสาสัญญาน แล้วกด FN+กับปุ่มที่มีรูปสัญลักษ์อยู่อาจจะอยู่ที่ F...แล้วแต่รุ่นแต่ละยี่ห้อ

*ในกรณีเครื่องแฮงค์หรือมันเบลอเบลอ(555) เข้า Network and Sharing Center แล้วไปที่ Manage Wireless Networks  คลิกที่ชื่อ wifi แล้วคลิกขวาอีกทีนึง เลือก Remove network


*ในกรณียังไม่ได้ enable ไวเลส หรือโดนปิดเพราะสนตีนอะไรสักอย่าง  กดที่กากบาทคลิก  Open network and sharing center  แล้วคลิก  Change adapter setting ทางด้านซ้าย  หลังจากนั้นคลิกขวาที่  Wireless Network Connection  แล้วคลิก  Enable ดู

อินเตอร์เน็ตของคุณหลุดบ่อย แก้ไขเบื้องต้น

           สำหรับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงตามบ้าน หรือตามสำนักงาน โดยเฉพาะใช้อินเตอร์เน็ตประเภท ADSL คงเคยประสบปัญหาอินเตอร์เน็ตใช้งานสักพัก แล้วหลุด (อยู่ในสถานะ disconnect) แล้วถ้าโชคดี สักพักก็กลับมาใช้งานได้ แต่ที่เลวแล้วกว่านั้น ไม่สามารถใช้งานได้เลย ต้องรอเป็นชั่วโมงบ้าง เป็นวันบ้าง แล้วอย่างงี้จะตรวจสอบอย่างไรได้บ้าง

แนวทางแก้ไขปัญหาอินเตอร์เน็ตหลุดบ่อย

  • ทดสอบปิด-เปิดโมเด็มใหม่อีกครั้ง หรือลองถอดสายและเสียบเข้าไปใหม่ดู
เป็นการทดสอบความแน่นของสายที่เชื่อมต่อ
  • ติดตั้ง Driver ของโมเด็มใหม่
ไฟล์ driver ที่ติดตั้งอยู่อาจมีปัญหาอยู่ก็เป็นได้ ทั้งนี้อาจเสียหายจากไวรัส หรือสาเหตุมากจากการติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ?เข้าไปทับไฟล์ระบบของ driver นั้นๆ?
  • การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ
ให้ ทำการตรวจสอบว่า คุณได้มีการเชื่อมต่อสายโทรศัพท์นี้กับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยหรือไม่ เช่น เครื่องโทรสาร หรือแฟ๊กซ์?เป็นต้น ถ้ามี แนะนำให้ลองถอดออกและต่อตรงก่อน และทดสอบดูใหม่
  • อุปกรณ์ที่เรียกว่า Splitter
ห้าม นำสายโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อเข้ากับ Splitter เชื่อมต่อกับโมเด็มทั่วไป? (Splitter เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการต่อพ่วงสายโทรศัพท์กับ ADSL และโทรศัพท์บ้าน)
  • ติดต่อศูนย์บริการ หรือผู้ให้บริการ
สาเหตุ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นได้ คือสายมีความชื้นสูง โดยเฉพาะกับสายที่มีการใช้งานมานาน การแก้ไข ต้องให้ผู้ให้บริการเดินสายโทรศัพท์ใหม่เลย

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ไวรัสคอมพิวเตอร์ และมัลแวร์ (Malware) มันแตกต่างกันอย่างไร (มันจะมีไว้ทำหอกหักอะไร...ปวดหัวตอนแก้เมื่อโดนมันเล่นงาน)...?



              อย่าสับสน! ระหว่างคำว่า ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) กับไวรัสที่เป็นเชื้อโรค ไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นเป็นแค่ชื่อเรียกโปรแกรมประเภทหนึ่งที่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กับไวรัสที่เป็นเชื้อโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้ และมักทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่มันอาศัยอยู่ แต่ต่างกันตรงที่ว่าไวรัสคอมพิวเตอร์เป็นเพียงโปรแกรมชนิดหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ไวรัสที่เป็นสิ่งมีชีวิต เราลองมาดูรายละเอียดเกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์กันเลยนะครับ ลองติดตามดู

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus)

ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) คือ โปรแกรมชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสำเนาตัวเองเข้าไปติดอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และถ้ามีโอกาสก็สามารถแทรกเข้าไปติดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์อื่นๆ ซึ่งอาจเกิดจากการนำเอาแผ่นดิสก์หรือแฟลชไดร์ฟที่ติดไวรัสจากเครื่องหนึ่งไปใช้กับอีกเครื่องหนึ่ง
การที่คอมพิวเตอร์ใดติดไวรัส หมายความว่าไวรัสได้เข้าไปผังตัวอยู่ในหน่วยความจำคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเรียบร้อยแล้ว การที่ไวรัสจะเข้าไปอยู่ในหน่วยความจำได้นั้นจะต้องมีการถูกเรียกใช้ให้ทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ใช้มักจะไม่รู้ตัวเลยว่า ขณะที่ตนเรียกใช้โปรแกรมหรือเปิดไฟล์ใดๆขึ้นมาทำงาน ก็ได้เรียกไวรัสขึ้นมาทำงานด้วย
จุดประสงค์การทำงานของไวรัสแต่ละตัวขึ้นอยู่กับผู้เขียนโปรแกรมไวรัสนั้น เช่น อาจสร้างไวรัสให้ไปทำลายโปรแกรมหรือข้อมูลอื่นๆ ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือแสดงข้อความวิ่งไปมาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ไวรัส (Virus) เป็นมัลแวร์ (Malware) ชนิดแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนี้และอยู่มานาน ดังนั้นโดยทั่วไปตามข่าวหรือบทความต่างๆที่ไม่เน้นไปทางวิชาการมากเกินไป หรือเพื่อความง่ายและคุ้นเคยที่จะพูด ก็จะใช้คำว่า Virus แทนคำว่า Malware แต่ถ้าจะคิดถึงความจริงแล้วมันไม่ถูกต้อง อาจจะเป็นเพราะความเคยชินหรืออะไรก็ตาม จึงกลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่ใช้คำว่า Virus แทนคำว่า Worm, Trojan, Spyware, Adware เป็นต้น ที่ถูกต้องควรใช้คำว่ามัลแวร์ (Malware) เพราะมัลแวร์มีหลายชนิด แต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกัน

มัลแวร์ (Malware)

มัลแวร์ (Malware) ย่อมาจาก Malicious Software หมายถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกชนิดที่มีจุดประสงค์ร้ายต่อคอมพิวเตอร์และเครือข่าย หรือเป็นคำที่ใช้เรียกโปรแกรมที่มีจุดประสงค์ร้ายต่อระบบคอมพิวเตอร์ทุกชนิดแบบรวมๆ โปรแกรมพวกนี้ได้แก่ Virus, Worm, Trojan, Spyware, Keylogger, Downloader, Adware, Dialer, Hijacker, BHO, Toolbar บางอย่าง, Hack Tool, Phishing, รวมไปถึง Zombie network, Zero-day attack และอื่นๆ


วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

“แบดยูเอสบี“ อาวุธไซเบอร์มหันตภัยที่ยังไร้ทางแก้!

                เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คาร์สเตน โนห์ล กับ จาคอบ เลลล์ นักวิจัยด้านจากเอสอาร์   แล็บ   ประกาศว่า   ค้นพบ  "ช่องโหว่" อันตรายมหันต์ในเฟิร์มแวร์ของยูเอสบี ที่เรียกกันว่า "    ยูเอสบี ไมโคร คอนโทรลเลอร์" พวกเขาเรียกช่องโหว่นั้นว่า "แบดยูเอสบี" เนื่องจากมันสามารถเปลี่ยน "แฟลชไดรฟ์" ธรรมดาๆ   ที่เราใช้กันอยู่ให้กลายเป็น "อาวุธไซเบอร์" ได้อย่างง่ายดาย
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ โค้ดหรือชุดรหัสคอมพิวเตอร์ที่มีวัตถุประสงค์ร้ายนี้ ตรวจหาไม่พบ ไม่ว่าจะใช้แอนตี้ไวรัสที่ทันสมัยแค่ไหน เพราะมันถูกเขียนขึ้นไว้ในส่วนที่เป็นเฟิร์มแวร์ของยูเอสบี ซึ่งถูกกันแยกไว้ต่างหากจากส่วนที่เป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บข้อมูล
มือมืดผู้ประสงค์ร้ายสามารถใช้ช่องโหว่ดังกล่าวเจาะเข้าไปแล้วเขียนโค้ดแทรกเอาไว้ในโค้ดของไมโคร คอนโทรลเลอร์ โค้ดที่ว่านี้จะเปลี่ยนยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง ให้กลายเป็นอาวุธร้ายของแฮกเกอร์ไปได้หลากหลายวิธี อย่างเช่น เปลี่ยนมันให้กลายเป็นเน็ตเวิร์ก การ์ด ที่ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ของเราได้จากระยะไกล ให้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด หรือดูข้อมูลอะไรก็ตามในคอมพิวเตอร์ของเราได้ โดยที่ผู้เป็นเจ้าของไม่รู้เนื้อรู้ตัว หรือเเทรกโค้ดที่เป็นมัลแวร์เข้าไป ดักจับความเคลื่อนไหวในการเคาะคีย์บอร์ดทุกครั้งของเรา ส่งไปให้แฮกเกอร์ ตรวจหาพาสเวิร์ดหรือข้อมูลบัตรเครดิต และอื่นๆ ที่ต้องการ
ที่น่ากลัวมากขึ้นไปอีกก็คือ โดยหลักการแล้ว "แบดยูเอสบี" สามารถถูกเขียนโปรแกรมให้กระโดดจากยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ ตัวแรกเข้าไปอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วจากนั้นก็กระโดดกลับเข้าไปอยู่ในแฟลชไดรฟ์ตัวใหม่ หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องใช้พอร์ต ยูเอสบี (อาทิ เมโมรีการ์ด หรือเอ็กซ์เทอร์นอล ฮาร์ดดิสก์) เพื่อแพร่ระบาดไปไม่รู้จักจบสิ้น
"แบดยูเอสบี" แก้ไม่ได้ด้วยการออกแพทช์ หรือโปรแกรมเสริมเพื่อการป้องกัน แบบที่ทำกันอยู่เมื่อเจอมัลแวร์ใหม่ๆ ทางแก้ที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ แก้ระบบการใช้ยูเอสบี ที่แทบจะเป็นการสร้างมาตรฐานยูเอสบีขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจกินเวลานานเป็นปีๆ เลยทีเดียว
นักวิจัยทั้ง 2 ไม่ยอมเปิดเผยโค้ด "แบดยูเอสบี" นี้ในตอนนั้น เพราะต้องการให้เวลาให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้หาทางแก้เรื่องนี้ แต่หลังสุดเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ที่งาน ดาร์บีคอน อดัม คอดิลล์ กับ แบรนดอน วิลสัน 2 นักวิจัย นอกจากจะนำเสนอเรื่องนี้ พร้อมสาธิตวิธีใช้งานอย่างเป็นงานเป็นการแล้ว ยังเผยแพร่โค้ดของแบดยูเอสบีนี้ผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ให้นำไปใช้กันอีกด้วย
นักวิจัยทั้ง 2 บอกว่า เรื่องนี้ต้องแก้กันในระดับอุตสาหกรรมผู้ผลิตยูเอสบีทั้งหมด ถ้าไม่กดดันด้วยการทำให้ดูว่ามันเป็นไปได้จริง ก็ไม่มีใครขยับกันเสียที
ผู้ใช้อย่างเราๆ ก็ต้องเสี่ยงดวงกันต่อไปว่าจะเจอแจ็กพ็อตเข้าเมื่อไหร่ ทางป้องกันเท่าที่จะทำได้ในยามนี้ก็คือ เลิกใช้แฟลชไดรฟ์แปลกหน้าไปพลางๆ
"แบดยูเอสบี" ทำให้แฟลชไดรฟ์ฟรีที่แจกกันตรึมก่อนหน้านี้ กลายเป็นมหันตภัยไปแล้ว!

เครดิต:http://hitech.sanook.com

ปิดคอมพิวเตอร์ถูกวิธี (ใครๆๆก็คิดว่ากูก็ปิดเป็น) มาลองฟังดูคับ

ไปเจอคลิปนี้ มาในYoutube  ดูแล้วมีสาระดี ปิดคอมพิวเตอร์ถูกวิธีต่อชีวีให้ฮาร์ดดิสก­์

http://www.youtube.com/watch?v=ZUZPwxOTYog